เล่นเพื่อเรียนรู้
เล่นอย่างไรในวัยซน
การเล่นของเด็กมีทั้งเล่นคนเดียวและเล่นกับเพื่อนๆซึ่งเด็กทุกคนควรได้มีการเล่นทั้งสองแบบ
เล่นคนเดียว ทำให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองสนใจเต็มที่ หาของเล่นหรือเกมที่ทำให้ลูกเกิดการเรียนรู้ เช่น เกมการแข่งขันกีฬาที่ย่อขนาดลงมาเล่นบนโต๊ะ เครื่องมืองานช่างหุ่นจำลองที่ถอดประกอบเปลี่ยนท่าทางได้ ตุ๊กตาเปลี่ยนเสื้อได้ อุปกรณ์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ อุปกรณ์การทำงานศิลปะทั้งวาด ปั้น ประดิดประดอย ฯลฯ ซึ่งคงต้องสังเกตความสนใจของลูกด้วย เพราะถ้าลูกไม่ชอบไม่สนใจแล้วลูกอาจจะไม่แตะของเล่นที่ซื้อมาเลยก็ได้
เด็กบางคนเล่นคนเดียวไม่เป็นเพราะมีพ่อแม่หรือพี่เลี้ยงคอยเล่นด้วยตลอด ซึ่งก็น่าห่วงว่าเมื่อโตขึ้นลูกจะไม่สามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเอง คอยพึ่งพิงคนอื่นหากอยู่คนเดียวก็จะรู้สึกเหงาตลอดเวลา การฝึกให้ลูกเล่นคนเดียวบ้างจะทำให้ลูกเกิดความมั่นใจในตัวเอง
เล่นเป็นกลุ่ม เป็นทีม ทำให้เด็กเล่นได้สนุกยิ่งขึ้น และเรียนรู้ทักษะสังคมไปในตัวรู้จักวิธีสร้างสายสัมพันธ์กับคนอื่น รู้จักทำตามกฎกติกา รู้จักวางแผน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า รู้จักปรับตัว ยอมรับความคิดของผู้อื่น รู้จักต่อรอง รู้จักเสียสละ รู้แพ้รู้ชนะ ฯลฯ
แต่ก็ไม่จำเป็นที่เด็กๆจะเล่นกับกลุ่มเพื่อนเสมอไป บางครั้งอาจเล่นกับเพื่อนสนิทสักคนสองคนก็ได้ ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้การรักษาสัมพันธภาพด้วย
คุณอาจจะคิดว่าลูกได้เล่นกับเพื่อนๆที่โรงเรียนเพียงพอแล้วแต่ขอบอกว่าสมัยนี้เด็กๆแทบไม่มีเวลาเล่นที่โรงเรียนมากนักเพราะโรงเรียนส่วนใหญ่มุ่งเน้นให้เด็กเรียนรู้วิชาการ หรือมีกิจกรรมทางวิชาการมากขึ้นและพื้นที่โรงเรียนในปัจจุบันก็น้อยลงเพราะใช้สร้างอาคารเรียนรองรับกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้น หรือมีสนามก็ห้ามใช้ (เพราะกลัวหญ้าตายไม่สวยงาม) หรือสนามเทปูนเสียหมด ไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงา เป็นต้น (เพราะฉะนั้นถ้าโรงเรียนไหนไม่มีพื้นที่ให้เด็กประถมได้เล่นได้กระโดดโลดเต้นตามธรรมชาติของวัยแล้วละก็ โรงเรียนนั้นไม่เหมาะกับลูกของคุณแน่ๆ)
และเพื่อให้แน่ใจว่าลูกได้เล่นอย่างเพียงพอ เมื่ออยู่บ้านในวันหยุดก็ควรจัดเวลาให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนข้างบ้าน หรือพาไปเล่นในหมู่ญาติด้วย
จะเห็นว่า ในเรื่องการเล่นที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะไม่พูดถึงการเล่นวีดีโอเกมหรือเกมคอมพิวเตอร์เลย เพราะอยากรณรงค์คุณพ่อคุณแม่ให้ดึงลูกออกห่างจากจอ มาเล่นอะไรที่เป็นการเล่นเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้อย่างรอบด้านจริงๆมากกว่าค่ะ
กฎของการเล่น
- ความปลอดภัย เด็กๆกำลังอยู่ในวัยซนและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงต้องดูแลความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทั้งสถานที่เล่น อุปกรณ์การเล่น และควรมีผู้ใหญ่ดูแลอยู่ห่างๆ
- เล่นเป็นเวลา จัดเวลาเล่นให้เป็นเวล่ำเวลา โดยลูกจะต้องมีเวลาสำหรับทำสิ่งอื่นๆด้วย ตั้งเป็นกฎเกณฑ์ เช่น ทำการบ้านให้เสร็จก่อน หรือเล่นถึงกี่โมงแล้วมาช่วยแม่ทำงานบ้าน เป็นต้น
- เล่นแล้วเก็บ ฝึกลูกให้รับผิดชอบเก็บข้าวของที่เล่นให้เป็นระเบียบ และรักษาของให้เล่นได้นาน
- ไม่ซื้อของเล่นพร่ำเพรื่อ ทำให้ลูกไม่รู้จักคุณค่า ถ้าลูกอยากได้ต้องมีวาระ เช่น เป็นรางวัลสำหรับความพยายามต่างๆ หรือออกเงินกันคนละครึ่งกับพ่อแม่ เป็นต้น
เรียนรู้อะไรจากการเล่น
การเล่นให้การเรียนรู้แก่เด็กๆมากมาย อาทิ การเล่นมอญซ่อนผ้า หากมองเผินๆก็เน้นความสนุกสนาน การช่างสังเกตสายตาจากเพื่อนๆ เทคนิคการล่อหลอกและวิ่งเร็วแล้ว แต่ในเชิงปรัชญามีผู้ศึกษาว่า ปกติเด็กๆเวลามองของถ้าเห็นอยู่ข้างหน้าเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามีของอยู่ ถ้าของนั้นเลยสายตาไปก็จะคิดว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่ มอญซ่อนผ้าจึงสอนเด็กว่า แม้เรามองไม่เห็น แต่มันมีอยู่ข้างหลังนะ ทำให้เด็กได้รู้จักคำสอนว่า คิดหน้าคิดหลังได้ชัดเจน
เด็กยังรู้จักความหมายเชิงสัญลักษณ์จากการเล่น เช่น ก้อนหินแทนเงิน ใบไม้หั่นฝอยเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว เศากะลามาเป็นถ้วยชาม เป็นต้น ส่งผลให้เด็กเกิดการคิดอย่างเป็นระบบ มีการเปรียบเทียบ ประเมินค่า นอกจากนี้การเล่นเลียนแบบครู หมอ แม่ค้า ตำรวจ ฯลฯ ยังสะท้อนถึงความเข้าใจการสมมติ การช่างสังเกตพฤติกรรมและบทบาทหน้าที่ของบุคคลในสังคมได้ และการเล่นจะเริ่มสื่อความหมายใกล้เคียงความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ไปสู่การรู้จักตัดสินใจ แก้ปัญหาและมีความรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ตนเองในที่สุด
ของเล่นเสริมทักษะ
- การ์ดเกมสะกดคำ การเล่น crossword และการเล่นที่เกี่ยวกับการพูด อ่าน เขียน เล่านิทาน มีภาพประกอบ ช่วยเสริมทักษะทางภาษา
- ของเล่นรูปทรงเรขาคณิต ลูกปัดนับจำนวน ช่วยเสริมทักษะการคำนวน
- การร้อยลูกปัด การต่อแท่งไม้ การต่อภาพจิ๊กซอว์ การหัดผูกเชือก ฯลฯ ช่วยฝึกทักษะการใช้ประสาทสัมผัส ด้วยของเล่นที่เด็กสามารถใช้มือหยิบจับสัมผัสประสานงานกับตา
- การประดิษฐ์ของเล่นจากเศษวัสดุ ช่วยฝึกการใช้ความคิดสร้างสรรค์
- ฝึกประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ กับเครื่องยนต์กลไกของรถบังคับ กังหัน เครื่องร่อน
- ฝึกการแบ่งหน้าที่ และรู้จักการแก้ปัญหา กับเกมเศรษฐี
หมายเหตุ : ไม่จำเป็นต้องซื้อของเล่นราคาแพง คุณพ่อคุณแม่อาจทำขึ้นเอง หรือชวนลูกทำ หรือลูกคิดประดิษฐ์เอง จะเป็นของเล่นมีคุณค่า ได้ทั้งความสัมพันธ์และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น